ปัสสาวะแสบขัด (Dysuria) หรืออาการเจ็บแสบร้อนขณะปัสสาวะอาจส่งผลให้ผู้ป่วยหลายคนเกิดความทรมานขณะทำธุระส่วนตัว หากคุณมีอาการของการปัสสาวะแสบขัดก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดโรคในระยะยาวได้ การเลือกไปพบแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุ และรักษาอย่างรวดเร็วจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมมากกว่า
หากสงสัยว่าอาการดังกล่าวสามารถบ่งบอกถึงโรคอะไรได้บ้าง และมีวิธีการรักษาแบบไหน บทความนี้มีคำตอบเบื้องต้นให้กับคุณ
มีอาการปัสสาวะแสบขัดเสี่ยงเป็นโรคอะไร ?
สาเหตุของอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะแบ่งเป็นหลากหลายสาเหตุ ทั้งการติดเชื้อในระบบปัสสาวะและการอักเสบหรือระคายเคือง ดังนี้
1. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปัสสาวะแสบขัดมากที่สุด โดยมักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและใกล้กับช่องคลอด ทำให้เชื้อโรคมีโอกาสเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า โดยอาการของผู้ที่กระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ ปวดปัสสาวะบ่อย แต่ละครั้งมีจำนวนน้อย มีอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะขุ่นและอาจมีเลือดออกร่วมด้วย
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ชนิด Escherichia Coli หรือมาจากสาเหตุอื่นๆ ทั้งการรับประทานยาบางชนิด การสวนปัสสาวะ รังสี และมาจากโรคแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคนิ่วในไต เป็นต้น
2. กรวยไตอักเสบแบบเฉียบพลัน
กรวยไตอักเสบแบบเฉียบพลัน คือโรคที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ ควรรักษาอย่างเร่งด่วน มิเช่นนั้นอาจทำให้ไตของผู้ป่วยเกิดความเสียหายได้ อาการของโรคดังกล่าวคือ ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยๆ ปัสสาวะมีสีขุ่น หนาวสั่น มีไข้ และอาจมีเลือดหรือหนองออกมาขณะปัสสาวะ
3. ท่อปัสสาวะอักเสบ
ท่อปัสสาวะอักเสบ เกิดขึ้นจากท่อปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส เช่น แบคทีเรียไนซีเรียโกโนเรีย เชื้อคลาไมเดีย และเชื้อไมโครพลาสมา เจนนิทัลเลียม โดยที่ในผู้หญิงและผู้ชายมีลักษณะอาการและสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ในผู้หญิง เกิดที่ท่อปัสสาวะโดยตรง ทำให้ผู้หญิงปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด ระคายเคือง หรือตกขาวมีกลิ่น คัน
- ในผู้ชาย อาจเกิดจากโรคต่างๆ เช่น หนองในเทียม หรือเริม อาการทั่วไป ได้แก่ คันบริเวณหัวอวัยวะเพศ ในน้ำอสุจิหรือปัสสาวะมีเลือดปน แสบร้อนขณะปัสสาวะ และมีน้ำไหลออกจากอวัยวะเพศ
4. ช่องคลอดอักเสบ
ในผู้หญิง อาการปัสสาวะแสบขัดอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึง ภาวะช่องคลอดอักเสบ ได้เช่นกัน โดยมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ทั้งจากการติดเชื้อบริเวณช่องคลอดหรือไม่ก็ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ติดเชื้อรายีสต์ ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวข้น มีของเหลวใสไร้กลิ่นไหลออกจากช่องคลอด คันบริเวณช่องคลอด และช่องคลอดบวมแดง
- ติดเชื้อแบคทีเรีย สังเกตได้จากตกขาวผิดปกติหลังมีเพศสัมพันธ์ และของเหลวมีกลิ่นไหลออกจากช่องคลอด
- มีพยาธิในช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด ปวดปัสสาวะบ่อย อวัยวะเพศบวมแดง ตกขาวผิดปกติ มีเลือดออกจากช่องคลอด และอาจส่งผลให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้
- ติดเชื้อคลาไมเดีย หลังมีเพศสัมพันธ์อาจมีเลือดออกเล็กน้อย และปวดท้องส่วนกลางหรือบริเวณอุ้มเชิงกราน
- ติดเชื้อ Herpes Vaginitis (HSV) มักส่งผลให้ผู้ป่วยเจ็บบริเวณช่องคลอดด้านนอก เพราะมีลักษณะคล้ายแผล
- ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่อาจเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น การเสียดสี สัมผัสสารเคมี หรือภาวะฮอร์โมนเอสโตรเจนขาดหายไป
อาการเกี่ยวกับปัสสาวะแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
ปัสสาวะขัดเป็นเพียงหนึ่งในอาการต้องสงสัยที่ไม่ควรมองข้าม แน่นอนว่ายังมีอาการอีกไม่น้อยที่อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงโรคร้ายในตัวคุณ คุณควรสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยสาเหตุ และเริ่มต้นการรักษาที่เหมาะสมที่สุดหากมีอาการดังต่อไปนี้
- แสบร้อนขณะปัสสาวะ
- ปวดปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
- ไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้
- ปวดบริเวณท้อง หลัง หรือเอว
- มีไข้ รู้สึกหนาวสั่น
- อวัยวะเพศมีอาการผิดปกติ เช่น มีของเหลวไหลออกมา คัน หรือมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
- ปวดแสบบริเวณอวัยวะเพศ
ปัสสาวะ แสบ ขัด รักษาอย่างไร ? ต้องกินยาอะไร ?
การรักษาอาการปัสสาวะขัด แบ่งเป็นหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยแบ่งเป็นการรับยาประเภทต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ รูปแบบรับประทานหรือฉีด เพื่อลดการอักเสบ
- ยาต้านเชื้อรา รูปแบบรับประทาน เหน็บ หรือครีม เพื่อรักษาเชื้อรา
- ยาพาราเซตามอล หรือ ไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการปวด
- โซเดียมไบคาร์โบเนต เพื่อปรับสภาพปัสสาวะให้เป็นด่าง
รวมวิธีป้องกันอาการปัสสาวะ แสบ ขัด
หากคุณไม่ต้องการทรมานขณะปัสสาวะ หรือมีอาการปัสสาวะแสบขัด คุณสามารถป้องกันอาการดังกล่าวได้ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม ดังนี้
- ไม่อั้นปัสสาวะ
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเจือจางแบคทีเรียในปัสสาวะและทำให้สามารถปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
- ในผู้หญิง เช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลัง
- ปัสสาวะทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการอับชื้น
- ขณะมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยเป็นประจำทุก 2-3 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เคมีซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
สรุป
ปัสสาวะแสบขัด คืออาการที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดความทรมานทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพราะสิ่งนี้จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่ผู้ป่วยต้องเข้าห้องน้ำเป็นประจำ และสร้างความกังวลใจไปพร้อมๆ กัน ทางที่ดีเราควรดูแลรักษาตัวเองให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือระคายเคืองจากสารเคมี
หากคุณมีอาการปัสสาวะขัดและต้องการบรรเทาอาการหรือรักษาเบื้องต้น แต่ไม่แน่ใจว่าควรกินยาอะไร การปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอาจทำให้ไขข้อสงสัยนี้ได้เป็นอย่างดี
MedCare เรามีเภสัชกรที่สามารถให้คำแนะนำกับคุณได้ เพราะพวกเราคือตัวกลางที่จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสม และเราพร้อมให้บริการจัดหายาจากร้านขายยาใกล้บ้าน เพียงแค่คุณแอด LINE https://bit.ly/medcare-miniapp-blog หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://medcare.asia/