Latest Articles

ปรับตัวรับมือกับภูมิแพ้อากาศในยุคปัจจุบัน

ในยุคที่สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงเร็ว ฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้น และอุณหภูมิเหวี่ยงขึ้นลงแบบวันต่อวัน ปัญหาสุขภาพอย่าง “ภูมิแพ้อากาศ” จึงกลายเป็นสิ่งที่หลายคนเผชิญแทบทุกวัน โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีมลพิษสูง เช่น ฝุ่น PM 2.5 หรือควันจากการจราจร หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด PM 2.5 (ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน) มักจะมีลักษณะร่วมบางอย่าง เช่น การจราจรหนาแน่น มีโรงงานอุตสาหกรรม หรืออยู่ในแอ่งกระทะที่อากาศไม่ถ่ายเทได้ดี เป็นสาเหตุหลักๆที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก

1. พื้นที่ในเมืองใหญ่

ตัวอย่าง:

  • กรุงเทพมหานคร (โดยเฉพาะริมถนนใหญ่ เช่น ถนนวิภาวดี, พระราม 2, ลาดพร้าว)
  • เชียงใหม่ (โดยเฉพาะในฤดูแล้งช่วงต้นปี)

2. พื้นที่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม

ตัวอย่าง:

  • ชลบุรี (อำเภอเมือง, ศรีราชา)
  • ระยอง (นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด)
  • สมุทรปราการ

3. พื้นที่การเกษตรที่มีการเผา

ตัวอย่าง:

  • ภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน
  • ภาคอีสาน เช่น อุบลราชธานี, มุกดาหาร, ศรีสะเกษ

4. พื้นที่แอ่งกระทะหรือภูมิประเทศที่อากาศถ่ายเทไม่ดี

ตัวอย่าง:

  • เชียงใหม่ (ล้อมรอบด้วยภูเขา)
  • ลำปาง
  • นครราชสีมา บางส่วน

จากข้อมูลของ องค์การอนามัยโลก (WHO) และ สมาคมโรคภูมิแพ้ฯ (World Allergy Organization) พบว่า ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรเมืองและกลุ่มวัยทำงานที่ต้องเผชิญมลพิษทุกวัน 

อาการของโรคภูมิแพ้อากาศที่พบได้บ่อย

  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • จามบ่อย โดยเฉพาะตอนเช้า
  • คันจมูก คันตา
  • ไอเรื้อรังหรือมีเสมหะเหนียว
  • อ่อนเพลีย หายใจไม่สะดวก

อาการเหล่านี้อาจรุนแรงขึ้นเมื่อสัมผัสกับฝุ่น ควัน หรืออุณหภูมิเปลี่ยนกระทันหัน หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ สมาธิ และประสิทธิภาพการทำงาน

ปรับตัวอย่างไรให้ใช้ชีวิตได้ แม้มีภูมิแพ้อากาศ

1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น

หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือมลภาวะสูง เช่น ริมถนน หรือจุดก่อสร้าง และควรสวมหน้ากาก N95 เมื่อต้องออกนอกบ้านในวันที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูง

2. รักษาความสะอาดในบ้าน

ควรหมั่นทำความสะอาดห้องนอน ผ้าม่าน เครื่องนอน และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท เพื่อลดการสะสมของไรฝุ่นและเชื้อรา

3. ใช้เครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA สามารถช่วยลดฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ในอากาศภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ใช้ยาแก้แพ้เมื่อจำเป็น

ในกรณีที่อาการรบกวนชีวิตประจำวัน การใช้ยาแก้แพ้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัยและช่วยบรรเทาอาการได้อย่างรวดเร็ว

ยาแก้แพ้ Telfast: ทางเลือกที่เหมาะกับคนยุคใหม่

หนึ่งในยาที่มักได้รับคำแนะนำจากแพทย์คือ ยาแก้แพ้ Telfast (Fexofenadine Hydrochloride) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม Antihistamine รุ่นที่ 2 โดยมีจุดเด่นคือ:

  • ไม่ทำให้ง่วงซึม
  • เริ่มออกฤทธิ์เร็ว ภายใน 1 ชั่วโมง
  • ออกฤทธิ์ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง (ในขนาด 180 มก.)
  • เหมาะกับคนทำงาน นักเรียน และผู้ที่ต้องใช้สมาธิ

Telfast มีให้เลือกหลายขนาด ได้แก่ 60 มก. และ 180 มก. ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามความรุนแรงของอาการ ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรจากการศึกษาทางคลินิก เช่นงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Allergy and Clinical Immunology พบว่า Fexofenadine มีประสิทธิภาพในการลดอาการคัน จาม และน้ำมูกไหล โดยมีผลข้างเคียงต่ำมากเมื่อเทียบกับยาแก้แพ้รุ่นก่อน

สรุป

ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยฝุ่น ควัน และสภาพอากาศแปรปรวน การปรับตัวเพื่อรับมือกับ ภูมิแพ้อากาศ จึงเป็นเรื่องจำเป็น การใช้ยาอย่างมีข้อมูล เช่น ยาแก้แพ้ Telfast ร่วมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัว จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ แม้ต้องเผชิญกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ ทุกวันสุขภาพที่ดี เริ่มจากการรู้จักตัวเองและดูแลอย่างถูกวิธี แล้วภูมิแพ้…จะไม่เป็นปัญหากวนใจอีกต่อไป สามารถปรึกษาเภสัชกรจาก Medcare ร้านยาออนไลน์ 24 ชั่วโมง รับคำปรึกษากับเภสัชกรมืออาชีพผ่าน LINE Mini App  ได้ทันที เพื่อให้คุณมั่นใจวิธีการใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย