
อาการปวดหลังล่าง (Low Back Pain) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยมากในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ ซึ่งบางคนอาจรู้สึกแค่เมื่อยล้าเล็กน้อย แต่บางรายอาจปวดรุนแรงจนนั่ง เดิน หรือยืนลำบาก แล้วแบบนี้… อาการปวดหลังล่างอันตรายขนาดไหน? และใครคือกลุ่มเสี่ยง? เรามีคำตอบมาให้
ปวดหลังล่าง คืออะไร?
อาการปวดหลังล่าง หมายถึง อาการปวดหรือไม่สบายบริเวณ บั้นเอวหรือช่วงหลังส่วนล่าง ตั้งแต่แนวบั้นท้ายขึ้นไปถึงบริเวณชายโครง ซึ่งอาการปวดอาจเป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลัน (ภายในไม่กี่วัน) หรือเรื้อรัง (นานเกิน 12 สัปดาห์)
อาการแบบไหน ที่ควรใส่ใจ?
อาการปวดหลังล่างทั่วไปมักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อไม่เหมาะสม เช่น ยกของหนัก นั่งท่าเดิมนาน ๆ หรือการนอนผิดท่า แต่อาการบางแบบอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า เช่น
- ปวดร้าวลงขา ชา หรืออ่อนแรง
- ปวดหลังร่วมกับไข้ หรือปัสสาวะผิดปกติ
- ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ใช้งาน
- ปวดหลังหลังจากการบาดเจ็บ เช่น หกล้ม หรืออุบัติเหตุ
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกี่ยวข้องกับภาวะหมอนรองกระดูกเคลื่อน, กระดูกสันหลังเสื่อม, หรือแม้แต่เนื้องอกในกระดูกสันหลัง
วัยไหนที่เสี่ยงปวดหลังล่างมากที่สุด?
1. วัยทำงาน (25-45 ปี)
กลุ่มคนที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ, ยกของหนัก, หรืออยู่ในอิริยาบถซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น พนักงานออฟฟิศ, พนักงานคลังสินค้า
2. วัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
เกิดจากความเสื่อมของกระดูกและหมอนรองกระดูก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของวัย แต่หากไม่ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวสม่ำเสมอจะยิ่งทำให้ปวดหลังได้ง่ายขึ้น
3. วัยรุ่นหรือวัยเรียน
แม้พบได้น้อยกว่า แต่การสะพายกระเป๋าหนัก เล่นมือถือหรือแท็บเล็ตในท่าก้มตัว ก็เป็นพฤติกรรมเสี่ยงเช่นกัน
ปวดหลังล่าง อันตรายไหม?
ส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดหลังล่างไม่อันตราย หากเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบหรือเกร็งชั่วคราว และสามารถหายได้ภายในไม่กี่วันด้วยการพักผ่อน ยืดกล้ามเนื้อ หรือใช้ยาบรรเทาอาการ แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น ชา อ่อนแรง หรือปวดรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด
วิธีดูแลและป้องกันอาการปวดหลังล่าง
- ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อนั่งทำงานนาน ๆ
- หมั่นลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถหรือยืดกล้ามเนื้อทุก 30-60 นาที
- ออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกินไป หรือยกด้วยท่าทางที่ผิด
- ควบคุมน้ำหนักตัว ไม่ให้อ้วนเกินไป เพราะน้ำหนักตัวมีผลต่อกระดูกสันหลัง
สรุป
อาการปวดหลังล่าง แม้โดยทั่วไปจะไม่อันตราย แต่ก็ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดร้าวลงขา ชา หรืออ่อนแรง หรือหากปวดเรื้อรังไม่หายภายใน 1–2 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด
การดูแลร่างกายตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยท่าทางที่ถูกต้อง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงของ อาการปวดหลังล่าง ได้มาก อีกทั้งในกรณีที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อร่วมด้วย การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยา Norgesic ซึ่งเป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย อาจช่วยลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณหลังและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การใช้ยา Norgesic ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาอื่นร่วมอยู่ เพื่อความปลอดภัยและให้การรักษาได้ผลดีที่สุด หรือปรึกษากับเภสัชกรมืออาชีพผ่าน LINE Mini App ได้ทันที เพื่อให้คุณมั่นใจวิธีการใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย