
อาการปวดเมื่อย ตึง หรือเกร็งของกล้ามเนื้อเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในยุคที่คนทำงานต้องนั่งโต๊ะนาน ๆ หรือใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง หลายคนจึงมองหาวิธีคลายกล้ามเนื้อที่ได้ผลเร็วและปลอดภัย ซึ่งแนวทางหลัก ๆ ที่นิยมคือ “การใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ” และ “การทำกายภาพบำบัด”
แต่ทั้งสองวิธีนี้ต่างกันอย่างไร? และแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน? มาดูกันค่ะ
รู้จักยาคลายกล้ามเนื้อ Norgesic
Norgesic เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่มักใช้ในผู้ที่มีอาการเกร็ง ตึง หรือปวดกล้ามเนื้อจากการใช้งานมากเกินไป เช่น ปวดคอ บ่า ไหล่ หรือปวดหลังส่วนล่าง โดยตัวยาประกอบด้วย
- Orphenadrine Citrate : ช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดการเกร็ง
- Paracetamol : ช่วยลดอาการปวดและการอักเสบ
ยานี้ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดความเจ็บปวด และช่วยให้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น
ข้อดีของ Norgesic
- เห็นผลเร็ว เหมาะกับอาการปวดเฉียบพลัน
- ลดอาการตึงและปวดจากออฟฟิศซินโดรมได้ดี
- ช่วยให้พักฟื้นได้ง่ายขึ้นในช่วงที่กล้ามเนื้อเกร็งมาก
ข้อควรระวัง
- อาจทำให้ง่วง เวียนหัว หรืออ่อนแรงชั่วคราว
- ไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- เป็นเพียงการบรรเทาอาการชั่วคราว ไม่ได้แก้ต้นเหตุของปัญหา
คลายกล้ามเนื้อด้วย กายภาพบำบัด
กายภาพบำบัด เป็นวิธีการบำบัดโดยไม่ใช้ยา เน้นฟื้นฟูและแก้ไขโครงสร้างร่างกาย ให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยอาจใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น
- การยืดเหยียด (Stretching) หรือการออกกำลังกายเฉพาะส่วน
- การนวด หรือ การประคบอุ่น เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- การใช้เครื่องมือบำบัด เช่น อัลตราซาวด์ หรือเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (TENS)
- การฝึกปรับท่าทาง เพื่อแก้ปัญหาการใช้งานผิดวิธี
ข้อดีของกายภาพบำบัด
- แก้ที่ต้นเหตุของอาการปวดและตึง โดยไม่ต้องพึ่งยา
- เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต
- ปลอดภัย เหมาะกับทุกวัย
ข้อจำกัด
- ต้องใช้เวลาและทำต่อเนื่องจึงเห็นผล
- ต้องได้รับการดูแลจากนักกายภาพบำบัดที่มีความชำนาญ
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดรุนแรงมากจนขยับไม่ได้
เปรียบเทียบ Norgesic กับ กายภาพบำบัด
| ประเด็น | ยาคลายกล้ามเนื้อ (Norgesic) | กายภาพบำบัด |
| ผลลัพธ์ | บรรเทาอาการปวดและเกร็งได้เร็ว | ฟื้นฟูและแก้ไขต้นเหตุของอาการ |
| ความเร็วในการเห็นผล | เร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง | ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง |
| แก้ต้นเหตุของปัญหา | ❌ ไม่ (บรรเทาชั่วคราว) | ✅ ใช่ (แก้ท่าทางและโครงสร้างกล้ามเนื้อ) |
| ความปลอดภัย | มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยา | ปลอดภัย ไม่ใช้ยา |
| เหมาะกับใคร | ผู้ที่มีอาการปวดเฉียบพลัน หรือเกร็งมาก | ผู้ที่มีอาการเรื้อรัง หรืออยากฟื้นฟูระยะยาว |
แล้วควรเลือกแบบไหนดี?
หากคุณมีอาการ ปวดเฉียบพลัน เช่น กล้ามเนื้อตึงหลังยกของหนัก หรือปวดคอจากนั่งทำงานนาน การใช้ ยาคลายกล้ามเนื้อ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์สามารถช่วยบรรเทาอาการได้รวดเร็ว
แต่หากเป็นอาการ เรื้อรังหรือเกิดซ้ำบ่อย การเลือกทำ กายภาพบำบัด จะช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น ท่าทางผิด กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโครงสร้างร่างกายไม่สมดุลบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ ทั้งสองวิธีร่วมกัน — เริ่มจากการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการเจ็บในระยะสั้น แล้วต่อด้วยการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูให้หายขาดในระยะยาว
สรุป
“ยาคลายกล้ามเนื้อ” และ “กายภาพบำบัด” ต่างมีบทบาทในการดูแลอาการกล้ามเนื้อตึงหรือปวด แต่มีจุดมุ่งหมายต่างกัน ยาช่วย บรรเทาอาการชั่วคราว ส่วนกายภาพบำบัดช่วย แก้ที่ต้นเหตุและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
หากคุณต้องการ “คลายกล้ามเนื้อให้หายขาดและนอนหลับสบายขึ้น” ทางออกที่ดีที่สุดคือการดูแลแบบผสมผสาน และใช้ยาเท่าที่จำเป็น พร้อมกับปรับท่าทาง ยืดเหยียด และทำกายภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อคืนความสมดุลให้กับร่างกาย หรือปรึกษาเภสัชกรจาก Medcare ร้านยาออนไลน์ 24 ชั่วโมง รับคำปรึกษากับเภสัชกรมืออาชีพผ่าน LINE Mini App ได้ทันที เพื่อให้คุณมั่นใจวิธีการใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
