Latest Articles

หูดหงอนไก่ รักษาเองได้ไหม ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำได้อย่างไร

หูดหงอนไก่ รักษาเอง

โรคหูดหงอนไก่ (Anogenital Warts) คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโรคชนิดหนึ่ง สามารถพบได้ทั้งชายและหญิงโดยเฉพาะผู้มีอายุตั้งแต่ 16-25 ปี และมีอาการของโรคที่แตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อติดเชื้อแล้วหากคุณไม่มีวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้องก็อาจทำให้โรคดังกล่าวลุกลาม สร้างความรำคาญใจ และทำลายความมั่นใจให้กับตัวผู้ป่วยและคู่ชีวิตได้

แล้วโรคนี้มีสาเหตุจากอะไร ? หูดหงอนไก่ รักษาเองได้ไหม ? และป้องกันหูดหงอนไก่ง่ายๆ ได้อย่างไรบ้าง ? วันนี้เรามีคำตอบ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หูดหงอนไก่

หูดหงอนไก่เกิดจากอะไร ?

หูดหงอนไก่ เกิดจากการติดเชื้อโรค Human Papilloma Virus หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เชื้อ ‘HPV’ ชนิดที่ 6 และ 11 ซึ่งไม่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุผนังภายในของผู้ป่วย เช่นการมีเพศสัมพันธ์ การใช้สิ่งของร่วมกัน หรือการคลอดธรรมชาติ

ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นหูดหงอนไก่

ถึงแม้ว่า หูดหงอนไก่จะสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกับหลายคน แต่มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเสี่ยงเป็นโรคชนิดนี้มากกว่าบุคคลทั่วไป ได้แก่

  • มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อไม่ว่าช่องทางใด
  • มีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนเป็นประจำ 
  • ผู้ที่จูบหรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ
  • ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ติดเชื้อ
  • มักเข้าห้องน้ำสาธารณะไม่สะอาด
  • มีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • สูบบุหรี่เป็นประจำ

อาการหูดหงอนไก่

อาการโดยทั่วไปของโรคหูดหงอนไก่คือ มีตุ่มหรือติ่งเนื้อยื่นออกมาจากผิวหนังในบริเวณร่างกายส่วนต่างๆ เช่น มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศหญิงหรือชาย บริเวณปาก คอหอย ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก ขาหนีบ หรืออวัยวะภายในอย่าง ลำไส้ตรง และลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ซึ่งลักษณะของหูดหงอนไก่ที่พบแบ่งเป็นหลายรูปแบบ ได้แก่

  • ตุ่มผิวเรียบ หรือผิวขรุขระนูน เป็นหยัก ๆ หรือมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ
  • ตุ่มขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ไม่เท่ากัน
  • ตุ่มสีขาว สีเนื้อ สีชมพู หรือสีแดง
  • ตุ่มเพียงตุ่มเดียว หรือหลาย ๆ ตุ่มขึ้นเป็นกระจุกรวมกัน
  • คัน แสบร้อน หรือเจ็บบริเวณที่เกิดตุ่ม
  • ตุ่มมีเลือดออก หรือไหลออกทางช่องคลอด โดยสามารถสังเกตได้ขณะมีเพศสัมพันธ์
หูดหงอนไก่ จี้ไฟฟ้า

รักษาหูดหงอนไก่อย่างไร ?

หากถามว่าหูดหงอนไก่ สามารถรักษาเองได้หรือไม่ ? คำตอบคือ การรักษาหูดหงอนไก่ให้หายขาดไม่สามารถทำได้ แต่ปัจจุบันสามารถใช้วิทยาการเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้นได้ สามารถป้องกันไม่ให้ตุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น ลุกลาม หรือป้องกันการติดต่อไปยังผู้อื่น ซึ่งแพทย์จะพิจารณาความรุนแรงและลักษณะอาการของผู้ป่วยแต่ละคน

รักษาด้วยการใช้ยา

มักใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงมากสักเท่าไรนัก โดยต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยยาที่แพทย์มักใช้บรรเทาอาการหูดหงอนไก่มีดังนี้

  • ยาโพโดฟีโลทอกซิน (Podophyllotoxin) ยาทาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ ส่งผลให้หูดไม่สามารถแพร่กระจายตัวได้ และต้องใช้ต่อเนื่องตามระยะเวลาที่แพทย์สั่ง มีผลข้างเคียงคือ ผิวหนังปวด แสบ บวม แดง ลอก และคัน
  • ยาไตรคลอโรเซติกแอซิด (Trichloroacetic Acid) ยาทาที่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน ทำลายโปรตีนในหูด จนเซลล์ตายและหลุดลอกออกมา ซึ่งระหว่างการใช้งานผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกแสบ ร้อน คัน ระคายเคือง และบวมแดงได้
  • ยาอิมิควิโมด (Imiquimod) ยาทาที่มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ ทำให้ผิวหนังสามารถต่อต้านการเจริญเติบโตของหูดหงอนไก่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผลข้างเคียงระหว่างการใช้งานคือ อาจทำให้ผู้ป่วยมีผื่นขึ้นตามตัวได้

การใช้ยารักษาหูดหงอนไก่ ผู้ป่วยควรปัสสาวะให้เรียบร้อย ล้างทำความสะอาดและเป่าบริเวณหูดให้แห้งสนิทก่อนทายา และไม่ควรให้บริเวณที่ทายาสัมผัสกับน้ำเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมง เพื่อให้ยาได้ออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ที่สุด

รักษาด้วยการทำหัตถการ

หากหูดหงอนไก่มีความรุนแรงจนไม่สามารถรักษาด้วยยาได้ แพทย์อาจพิจารณาให้ผู้ป่วยเข้าการรักษาด้วยการทำหัตถการต่างๆ แทน ปัจจุบันการรักษาด้วยการทำหัตถการมีให้เลือกหลากหลายวิธี ดังนี้

  • จี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy) จากไนโตรเจนเหลว เพื่อให้ผิวหนังบริเวณหูดกลับมาเป็นปกติดังเดิม โดยผู้ป่วยจำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำเพื่อกำจัดหูดให้หมด และผิวหนังอาจเจ็บปวดและบวมแดง
  • จี้ด้วยไฟฟ้า (Electrocautery) ด้วยความร้อนสูง เพื่อกำจัดเนื้อเยื่อหูดหงอนไก่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดและมีผิวหนังบวมแดงหลังการรักษา
  • ผ่าตัดเพื่อตัดติ่งเนื้อ (Surgical Excision) เหมาะสำหรับผู้ที่มีหูดหงอนไก่ขนาดใหญ่ การรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ตอบสนอง จำเป็นต้องส่งชิ้นเนื้อไปตรวจสอบเพิ่มเติม หรือผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์
  • ใช้เลเซอร์ (Laser Treatments) คือวิธีการรักษาผู้ป่วยหูดหงอนไก่ที่ขึ้นเป็นวงกว้าง มีข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายสูง ทำได้ยาก รู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำ และอาจเกิดรอยแผลเป็นในระยะยาว

สำหรับผู้ป่วยตั้งครรภ์ การรักษาด้วยการทำหัตถการจะช่วยป้องกันโรคหูดหงอนไก่ในทารกที่เกิดกับแม่ที่เป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นหูดหงอนไก่

เมื่อคุณพบว่าตนเองเป็นโรคหูดหงอนไก่ การรักษาเองอาจไม่สามารถทำได้ แต่คุณสามารถบรรเทาอาการความเจ็บปวดได้ง่ายๆ เพียงแค่ทำสิ่งเหล่านี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-12 ชั่วโมง เพื่อให้หลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้น
  • ออกกำลังกาย อย่างน้อย 30-40 นาทีต่อวัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นหลังออกกำลังกาย
  • รักษาสุขอนามัย โดยเฉพาะบริเวณที่มีหูดหงอนไก่ ล้างด้วยน้ำอุ่น ไม่ใช้มือถู และรักษาให้บริเวณดังกล่าวแห้งอยู่เสมอ
  • ตากกางเกงใน เพื่อลดความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น
  • ไม่ใส่กางเกงในนอน เพื่อลดการเสียดสีและความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น
  • แช่น้ำอุ่น 10-15 นาที เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดต่อไปยังผู้อื่น และการมีเพศสัมพันธ์อาจสร้างความเจ็บปวดได้
  • พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง รวมไปถึงหากมีอาการผิดปกติใดๆ ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์อย่างรวดเร็วเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที

ป้องกันหูดหงอนไก่ง่ายๆ ด้วยตนเอง

การป้องกันหูดหงอนไก่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยวิธีการทั้ง 9 ข้อ ดังนี้

1. ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่

2. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หลายคน

3. ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์

4. ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน

5. ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

6. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน หรืออื่นๆ

7. รักษาความสะอาดเสมอ

8. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

9. ตรวจสุขภาพประจำปี

สรุป

หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถเกิดได้กับทุกคน ไม่สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง และสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ถ้าหากผู้ป่วยไม่มีการดูแลตนเองที่ถูกต้องและเหมาะสม และนอกจากความเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว ผู้เป็นโรคหูดหงอนไก่ยังต้องเผชิญกับความกังวลใจด้านชีวิตคู่และการมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไม่ใช้ตนเองได้รับเชื้อดังกล่าว เพื่อความสบายใจของเราและผู้คนรอบข้าง

สำหรับใครที่มีลักษณะอาการเกี่ยวกับอวัยวะเพศที่เปลี่ยนไป หรือสงสัยว่าตนเองเป็น หนองใน ซิฟิลิส เริม หรือหูดหงอนไก่ ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อวินิจฉัยสาเหตุและหาวิธีรักษาโรคอย่างถูกวิธี

MedCare มีเภสัชผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และเราพร้อมให้บริการจัดหายาจากร้านขายยาใกล้บ้านภายใน 1 ชั่วโมงเพียงแค่คุณแอด LINE https://bit.ly/medcare-miniapp-blog หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://medcare.asia/

ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์