ทำไมเราต้องใส่ใจเรื่องความดันสูง แล้วเราควรทำอย่างไร
ความดันโลหิต คือค่าที่เกิดจากการสูบฉีดของเลือดบริเวณหัวใจเพื่อลำเลียงออกซิเจนยังไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ แน่นอนว่าค่าความดันเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของเราได้ ไม่ว่าจะในกรณีความดันโลหิตสูง หรือต่ำจนเกินไป
วันนี้เราขอให้ความรู้เกี่ยวกับความดันโลหิตสูงว่า มีสาเหตุจากอะไร และควรดูแลสุขภาพอย่างไรเมื่อคุณมีภาวะความดันโลหิตสูง
ความดันแต่ระดับหมายถึงอะไรบ้าง ?
ความดันโลหิตสูง หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘ความดันสูง’ สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ ด้วยการใช้เครื่องวัดความดันโลหิตตามโรงพยาบาลหรือคลินิกต่างๆ หากสังเกตจะพบว่าเครื่องเหล่านั้นจะแสดงตัวเลขอยู่สองชุดที่เกิดจากการวัดค่าการบีบและคลายของหัวใจในแต่ละจังหวะ โดยการวัดว่าความดันสูงหรือไม่ อย่างไร สามารถดูรายละเอียดได้ดังนี้
- ความดันโลหิตซีสโตลิก (Systolic) หรือ ความดันโลหิตตัวบน เกิดขึ้นขณะหัวใจบีบตัว หน่วยเป็น มิลลิเมตรปรอท
- น้อยกว่า 120 ความดันโลหิตปกติ
- 120-139 ระดับก่อนการเป็นความดันโลหิตสูง
- 140 ขึ้นไป ความดันโลหิตสูง
- ความดันโลหิตไดแอสโตลิก (Diastolic) หรือความดันโลหิตตัวล่าง เกิดขึ้นขณะหัวใจคลายตัว หน่วยเป็น มิลลิเมตรปรอท
- น้อยกว่า 80 ความดันโลหิตปกติ
- 80-89 ระดับก่อนการเป็นความดันโลหิตสูง
- 90 ขึ้นไป ความดันโลหิตสูง
โดยปกติแล้ว ค่าความดันที่เหมาะสมในคนอายุน้อยกว่า 60 ควรอยู่ประมาณ 140/90 มิลลิเมตรปรอท
สำหรับคนอายุมากกว่า 60 ควรมีค่าความดันน้อยกว่า 150/90 มิลลิเมตรปรอท
ความดันสูงควรทำอย่างไร ? วิธีดูแลตัวเองเมื่อความดันสูงขึ้น
ความดันสูงเกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ พันธุกรรม เชื้อชาติ น้ำหนัก และการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม หากคุณมีความดันเลือดผิดปกติอาจหมายถึงความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ที่อันตรายถึงชีวิตได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือโรคไต
ความดันสูง ควรทำอย่างไร ? หากพบว่าตนเองมีความดันโลหิตสูงเกินไป คุณควรรักษาสุขภาพให้ดีเพื่อลดความดันให้กลับมาเป็นปกติ ผ่าน 7 วิธี ดังต่อไปนี้
- ควบคุมน้ำหนัก
การควบคุมน้ำหนักคือสิ่งที่เหมาะกับผู้ป่วยความดันสูงและหยุดหายใจขณะนอนหลับ หรือมีค่า BMI เกิน 25 การลดความอ้วนเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้ความดันค่อยๆ กลับมาปกติเช่นเดิมได้ จากการทดลองและวิจัยพบว่า น้ำหนักที่ลดลงทุก 10 กิโลกรัม จะทำให้ความดันจะลดลง 5-20 มิลลิเมตรปรอท เพราะค่าความดันโลหิตสูงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
สำหรับผู้ที่เริ่มมีภาวะความดันโลหิตสูง การออกกำลังกายจะช่วยลดค่าความดันให้กลับมาเป็นปกติได้ จากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกาย 30 นาที 5 วัน เพียงการว่ายน้ำหรือเดินก็เพียงพอแล้วที่จะลดความดันได้ 5-8 มิลลิเมตรปรอท แต่หากผู้ป่วยมีความดันโลหิตมากกว่า 180/110 ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เลือดสูบฉีดมากเกินไปจนเกิดอันตรายได้
**ถ้าระหว่างการออกกำลังผู้ป่วยความดันสูงมีอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที**
- งดสูบบุหรี่
การงดบุหรี่ นอกจากช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี เพราะการสูบบุหรี่มีผลโดยตรงต่อการเพิ่มความดันโลหิตสูงถึงแม้จะหยุดสูบไปแล้วก็ตาม จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่มีอายุยืนยาวมากกว่าผู้ที่สูบบุหรี่บ่อยครั้งอีกด้วย
- เลือกสรรอาหาร
อาหาร คือส่วนสำคัญที่ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เราจึงควรเลือกสรรอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผู้มีความดันโลหิตสูง ควรรับประทานอาหารเหล่านี้
- ลดโซเดียม หลีกเลี่ยงอาการที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว และการเติมเครื่องปรุงต่างๆ ควรจำกัดการบริโภคโซเดียมให้ไม่เกินวันละ 1,500 มิลลิกรัม
- ข้าว แป้งที่ไม่ขัดสี เพื่อเพิ่มกากใยในร่างกาย เช่น ขนมปังโฮลวีท ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น
- เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ หรือเลือกรับประทานปลาที่มีโอเมก้า 3 เพื่อช่วยบำรุงการไหลเวียนเลือดแทนเนื้อสัตว์ติดมัน
- ผักและผลไม้ รับประทานอย่างน้อย 4-5 ทัพพีต่อวัน โดยเฉพาะผักผลไม้สดที่ไม่มีการแปรรูปหรือปรุงแต่ง เพื่อเพิ่มกากใยและแร่ธาตุให้กับร่างกาย
- ไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก อัลมอนด์ อะโวคาโด และปลาทะเลน้ำลึก ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา เพื่อกระตุ้นการดูดซึมของวิตามินชนิดละลายไขมัน
- ถั่วและธัญพืชเปลือกแข็ง เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ หรือพิสตาชิโอ ในปริมาณที่พอดี ไม่เกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะเพื่อรับไขมันดีจากถั่วและธัญพืช
- กระเจี๊ยบแดง มีส่วนผสมของสารแอนโทไซยานิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด และลดความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี
- ขึ้นฉ่าย เป็นพืชที่มีฤทธิ์ในการลดความดัน ขับปัสสาวะ ลดบวม ควบคุมน้ำตาล ลดไขมันและต้านการอักเสบ
- กระเทียม มีสาร Allicin ช่วยในการลดความดันและไขมันในเลือดได้
- ตะไคร้ สมุนไพรที่มีสรรพคุณในการขับลม ขับปัสสาวะ ผ่อนคลาย และลดความดันโลหิต
- ฟ้าทะลายโจร มีประโยชน์หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และลดความดันโลหิต
- ลดความเครียด
รู้หรือไม่ว่า ฮอร์โมนความเครียดมีผลต่อการสูบฉีดเลือดและความดันโลหิต และยังส่งผลต่อพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ความเครียดทำให้เกิดทั้งอาการนอนไม่หลับ การรับประทานอาหารเยอะ หรือการดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นผู้ป่วยความดันสูงจึงควรทำตัวเองให้ผ่อนคลายและหากิจกรรมที่ชื่นชอบทำเพื่อลดความเครียด
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม
การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจส่งผลต่อระดับความดันโลหิตที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพของยาได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอดีจะช่วยลดความดันโลหิตได้
- ผู้หญิงวันละ 1 ดื่มมาตรฐาน (เบียร์ 350 มิลลิลิตร ไวน์ 150 มิลลิลิตร หรือเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 40% 45 มิลลิลิตร)
- ผู้ชายวันละ 2 ดื่มมาตรฐาน (เบียร์ 700 มิลลิลิตร ไวน์ 300 มิลลิลิตร หรือเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 40% 90 มิลลิลิตร)
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
ถ้าหากผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงจนเกินไป การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจไม่เพียงพอ แต่อาจจำเป็นต้องรับประทานยาอย่างเคร่งครัดตามแพทย์สั่งเพื่อรักษาความดันให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น
- ยาขับปัสสาวะ ออกฤทธิ์ขับเกลือที่อยู่ในร่างกายผ่านปัสสาวะ
- ยาปิดกั้นการไหลของแคลเซียมเข้าสู่เซลล์ ทำให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดคลายตัว หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง
- ยายับยั้งการสร้างแอนจิโอแทนซิน มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่สร้างแอนจิโอแทนซิน การหดตัวของหลอดเลือดน้อยลง ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงตาม
- ยาขยายเส้นเลือดแดง มีผลทำให้ความดันโลหิตลดลง
สรุป
ความดันโลหิต คือหนึ่งในสิ่งที่คุณไม่ควรละเลยและควรหมั่นตรวจเช็กเป็นประจำ เพราะระดับความดันผิดปกติอาจเป็นสัญญาณเตือนที่บอกถึงโรคร้ายแรงต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไต เป็นต้น โดยอาการของผู้มีความดันโลหิตสูง มีทั้งปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ หรือมีอาการคล้าย ไมเกรน
หากคุณมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ หรือแอด LINE https://bit.ly/medcare-miniapp-blog เพื่อปรึกษาเบื้องต้นกับเภสัชกร MedCare และรับยาจากร้านขายยาใกล้บ้านภายใน 1 ชั่วโมง
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://medcare.asia/