
อาการปวดหลังช่วงเอวเกิดจากกล้ามเนื้อเกร็งหรือตึงจากท่าทางการใช้งานผิดวิธี ยาคลายกล้ามเนื้อช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ พร้อมดูแลร่วมกับการกายภาพบำบัดเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ปวดหลังช่วงเอว (Lower Back Pain) กับการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ
อาการปวดหลังช่วงเอว (Lower Back Pain) เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหรือยืนนาน ๆ ในท่าเดิม อาการนี้มักเกิดจากกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างเกร็งหรือตึงมากเกินไป และหากปล่อยไว้โดยไม่ปรับพฤติกรรมหรือรักษาอย่างถูกวิธี อาจกลายเป็นภาวะปวดหลังเรื้อรังได้
สาเหตุที่พบบ่อยของอาการปวดหลังช่วงเอว
- นั่งหรือยืนนานเกินไป โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้กล้ามเนื้อหลังล้าและเกิดการเกร็ง
- ยกของหนักหรือเคลื่อนไหวผิดท่า เช่น ก้ม ยก หรือบิดตัวเร็วเกินไป
- น้ำหนักตัวมากเกินไป ทำให้หลังต้องรับแรงกดเพิ่มขึ้น
- ความผิดปกติของโครงสร้างหรือโรคภายใน เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม เส้นประสาทถูกกดทับ หรือโรคไต
อาการที่ควรสังเกต
หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
- ปวดหรือตึงบริเวณหลังส่วนล่างต่อเนื่องเกิน 1–2 สัปดาห์
- ปวดร้าวลงขา มีอาการชา หรือกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง
- ขยับตัวลำบาก ก้ม หรือบิดไม่ได้เต็มที่
- อาการปวดรุนแรงจนรบกวนการนอนหรือการใช้ชีวิตประจำวัน
วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อมีอาการปวดหลังช่วงเอว
- ปรับท่านั่งและยืนให้เหมาะสม : พิงพนักเต็มหลัง เท้าวางราบกับพื้น หลีกเลี่ยงการนั่งไขว้ขานาน ๆ
- เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ : ควรลุกเดินหรือยืดกล้ามเนื้อทุก 30–60 นาที
- ยกของอย่างถูกวิธี : ใช้กำลังขาแทนการก้มหลัง
- ออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core) : ช่วยพยุงและลดแรงกดที่กระดูกสันหลัง
- ประคบอุ่นหรือเย็น : บรรเทาอาการปวดและช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
ยาคลายกล้ามเนื้อกับอาการปวดหลัง
ในบางกรณีที่กล้ามเนื้อเกร็งหรือตึงมากจนขยับลำบาก แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxant) เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
กลไกการออกฤทธิ์
ยาคลายกล้ามเนื้อไม่ได้ทำลายหรือยับยั้งการสร้างกล้ามเนื้อ แต่จะออกฤทธิ์ที่ ระบบประสาทส่วนกลาง เพื่อลดการส่งสัญญาณที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวและรู้สึกสบายขึ้น
ยาที่มักใช้ในทางการแพทย์
- Orphenadrine citrate
- Norgesic (ยาผสมระหว่าง Orphenadrine + Paracetamol)
การใช้ยากลุ่มนี้ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และเอื้อต่อการทำกายภาพบำบัด แต่ ไม่ใช่การรักษาต้นเหตุของอาการปวดหลังโดยตรง
ข้อควรระวังในการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ
- อาจทำให้เกิดอาการ ง่วงซึม เวียนศีรษะ หรืออ่อนแรงชั่วคราว
- หลีกเลี่ยงการ ขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร ระหว่างใช้ยา
- ไม่ควรใช้ยา ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับหรือโรคไต ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยา
การรักษาเสริมที่แนะนำนอกจากการใช้ยาแล้ว การทำ กายภาพบำบัด (Physical Therapy) เป็นอีกแนวทางสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อหลังให้กลับมาสมดุล ลดการเกร็ง และช่วยป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต
บทสรุป
ยาคลายกล้ามเนื้อสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังช่วงเอวได้ในระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงที่กล้ามเนื้อหดเกร็งหรือตึงมาก อย่างไรก็ตาม การรักษาที่ได้ผลในระยะยาวควรประกอบด้วย การปรับพฤติกรรม กายภาพบำบัด และการออกกำลังกายที่เหมาะสม
คำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรเป็นสิ่งสำคัญรับคำปรึกษากับเภสัชกรมืออาชีพผ่าน LINE Mini App ก่อนเริ่มใช้ยาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและการรักษาที่ตรงจุดที่สุด
