
อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังหรือปวดเฉียบพลันจากการทำงาน การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การนั่งผิดท่า ทำให้หลายคนต้องทรมานและอยากหาตัวช่วยบรรเทาอาการ ยาคลายกล้ามเนื้อจึงเป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย แต่หลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า การกินยาคลายกล้ามเนื้อ ผลข้างเคียงที่ตามมานั้นมีอะไรบ้าง และถ้าใช้บ่อย ๆ จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวหรือไม่ บทความนี้ ภญ.ศกุนตลา แก้วจินดา MedCare จะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียด ถึงเรื่องของผลข้างเคียงยาคลายกล้ามเนื้อ พร้อมข้อควรระวังสำคัญที่คุณต้องรู้ เพื่อใช้ยาอย่างเข้าใจและสบายใจที่สุด

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยและไม่อันตราย
ผลข้างเคียงเหล่านี้มักเป็นเรื่องปกติของการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ และส่วนใหญ่ไม่รุนแรง มักจะดีขึ้นเมื่อร่างกายคุ้นชินกับยา หรือเมื่อลดขนาดยาลง
- ง่วงซึม (Sedation): เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด เพราะยาออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง จึงควรระวังอย่างยิ่งถ้าต้องขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร
- อ่อนเพลีย: รู้สึกว่าเรี่ยวแรงลดลง เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
- คลื่นไส้, เวียนศีรษะ: อาจเกิดอาการเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเริ่มใช้ยา
ผลข้างเคียงต่อระบบประสาท
ในบางกรณี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ได้รับยาในปริมาณที่สูงเกินไป อาจเกิดผลกระทบต่อระบบประสาทที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เช่น
- สับสน (Confusion): อาจทำให้คิดช้าลง หรือรู้สึกว่าความคิดไม่ปลอดโปร่ง
- ประสาทหลอน (Hallucinations): เป็นอาการที่พบได้น้อย แต่ถ้าเกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณเตือนที่อันตราย
- ปัญหาการทรงตัว: ทำให้เสี่ยงต่อการหกล้มได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารและทางเดินปัสสาวะ
ยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบขับถ่ายได้ด้วย
- ท้องผูก: เป็นอาการที่พบได้บ่อย เพราะยาอาจไปชะลอการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ปัสสาวะคั่ง: ในบางราย ยาอาจส่งผลต่อการทำงานของกระเพาะปัสสาวะได้ ซึ่งต้องรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ผลข้างเคียงรุนแรงที่ต้องพบแพทย์ทันที
แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่มีอาการบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเกิดภาวะแพ้ยาหรือผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก ซึ่งต้องหยุดยาและรีบไปพบแพทย์ทันที
- อาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis): มีผื่นขึ้น ลมพิษ หน้าบวม ลิ้นบวม หรือมีอาการหายใจลำบาก
- หัวใจเต้นผิดปกติ หรือรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมากผิดปกติ
ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อบ่อย ๆ เสี่ยงเป็น “โรคร้าย” หรือไม่?
เป็นคำถามที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ เพราะหลายคนกลัวว่ากินยาคลายกล้ามเนื้อ ผลข้างเคียงระยะยาวจะทำให้เกิดโรคเรื้อรังร้ายแรงไหม หากใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ในระยะเวลาสั้น ๆ ความเสี่ยงจะต่ำ แต่ถ้าใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง หรือใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ย่อมมีผลกระทบต่อร่างกายแน่นอน
ผลกระทบต่อตับและไต
อวัยวะสำคัญเหล่านี้ทำหน้าที่เผาผลาญและขับยาออกจากร่างกาย การใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือใช้ในปริมาณที่สูงเกินไป โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของ Paracetamol จะเพิ่มภาระให้ตับและไต ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายได้ ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องใช้ยานาน ควรมีการตรวจเช็กการทำงานของตับและไตเป็นระยะ
ความเสี่ยงในการใช้ยาในผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์
ผู้สูงอายุ: มีความเสี่ยงสูงต่ออาการง่วงซึมและการทรงตัวผิดปกติ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการหกล้ม
หญิงตั้งครรภ์: ข้อมูลความปลอดภัยของยาหลายชนิดยังมีจำกัด จึงควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง
ใครไม่ควรกินยาคลายกล้ามเนื้อบ้าง?
มีบุคคลบางกลุ่มที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือใช้ยาคลายกล้ามเนื้อด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงยาคลายกล้ามเนื้อที่อาจรุนแรงถึงชีวิต
1. ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาคลายกล้ามเนื้อ
เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดและสำคัญที่สุด หากคุณเคยมีอาการแพ้รุนแรง เช่น ผื่นขึ้น ลมพิษ หน้าบวม หรือหายใจลำบากหลังจากรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อตัวใดตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะชื่อสามัญหรือชื่อการค้าอะไรก็ตาม ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อให้เขาเลือกใช้ยาในกลุ่มอื่นที่ปลอดภัยและไม่มีส่วนผสมของยาที่คุณแพ้โดยเด็ดขาด
2. ผู้ป่วยโรคตับและโรคไตที่มีอาการรุนแรง
ตับและไตเป็นอวัยวะหลักที่ทำหน้าที่เผาผลาญและขับยาออกจากร่างกาย ลองนึกภาพว่าถ้าตับและไตทำงานได้ไม่เต็มที่ ความสามารถในการกำจัดยาออกจากกระแสเลือดก็จะลดลง ทำให้เกิดการสะสมของยาในร่างกายจนถึงระดับที่เป็นพิษได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรงของผลข้างเคียงยาคลายกล้ามเนื้อที่อันตรายต่อชีวิต
3. ผู้สูงอายุ: ความเสี่ยงในการหกล้มและความง่วงซึม
สำหรับผู้สูงอายุ เราต้องใช้ยาด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษค่ะ เนื่องจากผู้สูงอายุมีกระบวนการเผาผลาญยาที่ช้าลงอยู่แล้ว ทำให้ยาอยู่ในร่างกายได้นานกว่าปกติ และผลข้างเคียงเรื่องความง่วงซึม เวียนศีรษะ และปัญหาการทรงตัว จะเพิ่มความเสี่ยงในการหกล้ม (Falls) และเกิดการบาดเจ็บร้ายแรง เช่น กระดูกสะโพกหัก ได้อย่างมาก ดังนั้น ควรใช้ยาในขนาดต่ำที่สุดที่ยังให้ผลการรักษา และไม่ควรให้ผู้สูงอายุขับขี่พาหนะหลังรับประทานยาค่ะ
4. หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยาทุกชนิดที่เข้าสู่ร่างกายจะสามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หรือผ่านทางน้ำนมได้ แม้ว่าจะมีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิดต่อทารกในมนุษย์ที่ค่อนข้างจำกัด แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ต้องใช้เมื่อมีความจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และอยู่ภายใต้การพิจารณาและการดูแลของสูติแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามาใช้เองเด็ดขาด
5. ผู้ที่มีภาวะบางอย่างที่ต้องระวัง (เช่น โรคต้อหิน, ปัญหาปัสสาวะ)
ยาคลายกล้ามเนื้อบางตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านโคลิเนอร์จิก (Anticholinergic effects) อาจทำให้อาการของโรคบางอย่างแย่ลง เช่น
- ผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดมุมปิด (Closed-angle Glaucoma): ยาอาจทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้น จนเกิดอันตรายต่อการมองเห็น
- ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะไม่ออก (Urinary Retention): ยาอาจทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะคลายตัวมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถปัสสาวะได้ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตรายค่ะ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ
จากประสบการณ์ของ ภญ.ศกุนตลา แก้วจินดา ที่ทำหน้าที่เภสัชกรมาหลายปีและได้ให้คำปรึกษาคนไข้มามากมาย พบว่ามีข้อผิดพลาดในการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อที่พบบ่อยและอันตราย ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงยาคลายกล้ามเนื้อได้อย่างมากเลยค่ะ
- กินพร้อมแอลกอฮอล์: อันตรายถึงชีวิต! ห้ามทำเด็ดขาด เพราะยาคลายกล้ามเนื้อและแอลกอฮอล์ต่างก็มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อทานคู่กัน ฤทธิ์จะเสริมกันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการง่วงซึม เวียนศีรษะอย่างมาก สูญเสียการทรงตัว และอาจกดการหายใจจนถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ
ความเห็นเภสัชกร: “ถ้าคุณมีอาการปวดจนต้องใช้ยาคลายกล้ามเนื้อจริง ๆ นั่นหมายความว่าร่างกายคุณไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว การดื่มแอลกอฮอล์ซ้ำเติมเข้าไป ไม่ใช่แค่ทำให้ยาไม่ได้ผล แต่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเองโดยไม่จำเป็นเลยค่ะ”
- ใช้เกินขนาด: ไม่ได้หายปวดเร็วขึ้น แต่อาจอันตรายต่อตับและไต การเพิ่มขนาดยาเองเพราะคิดว่ายาไม่เห็นผล เป็นความเข้าใจที่ผิด การทำเช่นนี้ไม่ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ทันที แต่กลับนำไปสู่การสะสมของยาในร่างกาย จนอาจเกิดความเป็นพิษต่อตับและไต โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของ Paracetamol ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะตับวายเฉียบพลันได้
ความเห็นเภสัชกร: “ถ้าคุณรู้สึกว่ายาในขนาดปกติไม่ได้ผล ควรกลับไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อปรับแผนการรักษา ไม่แนะนำให้คนไข้เพิ่มขนาดยาเอง ”
- ขับรถหรือใช้เครื่องจักรหนักขณะมีอาการง่วงซึม เนื่องจากยาคลายกล้ามเนื้อมีผลข้างเคียงในการกดประสาทและทำให้ง่วงซึม การขับรถ การควบคุมเครื่องจักร หรือกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิและวิจารณญาณจึงมีความเสี่ยงสูงมาก หลังทานยาควรสังเกตอาการตัวเองอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ถ้ามีอาการมึนงง หรือตาพร่ามัว ควรรอจนกว่าอาการจะหายไปก่อน
ความเห็นเภสัชกร: “แนะนำให้ทานยาคลายกล้ามเนื้อในช่วงเย็นหรือก่อนนอนค่ะ เพื่อให้ผลข้างเคียงเรื่องความง่วงซึมเกิดขึ้นในขณะที่คุณกำลังพักผ่อน จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยในตอนกลางวันค่ะ”
คำถามพบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ ผลข้างเคียงยาคลายกล้ามเนื้อ
เพื่อเสริมความเข้าใจในการใช้ยาและคลายความกังวลที่พบบ่อย MedCare จึงได้รวบรวมคำถามสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงยาคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้คุณใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและสบายใจมากที่สุดค่ะ
- กินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วง่วงมาก ทำอย่างไรดี?
อาการง่วงซึมเป็นผลข้างเคียงปกติที่พบบ่อยที่สุดค่ะ แนะนำให้ทานยาในช่วงเย็นหรือก่อนนอน เพื่อลดผลกระทบต่อการทำงานในเวลากลางวัน และหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรหลังทานยาจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่ง่วง
- กินยาคลายกล้ามเนื้อติดต่อกันนานแค่ไหนถึงจะปลอดภัย?
ยาคลายกล้ามเนื้อควรใช้ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น โดยปกติไม่เกิน 7-14 วัน หากอาการปวดยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการปวดเรื้อรัง ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานโดยไม่มีการควบคุมจากแพทย์ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อตับและไต
- ถ้าลืมกินยาคลายกล้ามเนื้อตามเวลาที่กำหนด ควรทำอย่างไร?
ถ้าคุณนึกขึ้นได้และยังไม่ถึงเวลาของยามื้อถัดไป ให้รีบทานทันที แต่ถ้าใกล้ถึงเวลามื้อถัดไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไปเลย ห้ามเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงยาคลายกล้ามเนื้อ
- ยาคลายกล้ามเนื้อมีผลข้างเคียงต่อผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรอย่างไรบ้าง?
ยาหลายชนิดยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยเพียงพอต่อทารกในครรภ์ การใช้ยาโดยไม่มีความจำเป็นจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อทารก ควรปรึกษาแพทย์หรือสูติแพทย์เท่านั้น ห้ามซื้อมารับประทานเอง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดต่อทั้งแม่และเด็ก
สรุป
ยาคลายกล้ามเนื้อเป็นยาที่ดีและมีประโยชน์มากในการรักษาอาการปวด แต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้ยาอย่างระมัดระวังและเข้าใจในเรื่องของกินยาคลายกล้ามเนื้อ ผลข้างเคียง และข้อควรระวังต่าง ๆ ตามที่ ภญ.ศกุนตลา แก้วจินดา ได้แนะนำไปค่ะ หากคุณยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการปวด หรือการใช้ยาที่เหมาะสม สามารถ ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ 24 ชม. เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของคุณได้เลย
