Latest Articles

ยาแก้ปวด มีอะไรบ้าง? รู้จักประเภท วิธีใช้ และข้อควรระวัง

ยาแก้ปวดมีอะไรบ้าง

อาการปวดเป็นสิ่งที่ทุกคนคงเคยประสบมาแล้วไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดข้อ การเลือกใช้ยาแก้ปวดให้เหมาะสมกับอาการและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำความเข้าใจ ในบทความนี้ เราจะพาคุณทำความรู้จักกับประเภทของยาแก้ปวดมีอะไรบ้างและวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง และข้อควรระวังที่ควรรู้

อาการปวด

ทำความเข้าใจ “อาการปวด” สัญญาณเตือนจากร่างกาย

ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับยาแก้ปวดต่างๆ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า “อาการปวด” คืออะไร อาการปวดเป็นสัญญาณเตือนภัยจากร่างกาย บอกเราว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอาจเป็นการบาดเจ็บ การอักเสบ หรือความเสียหายของเนื้อเยื่อ

ประเภทของอาการปวด (ปวดเฉียบพลัน vs ปวดเรื้อรัง)

อาการปวดเฉียบพลัน เป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นกะทันหัน มีความรุนแรงสูง และมักจะหายไปเมื่อสาเหตุได้รับการรักษา เช่น ปวดจากการบาดเจ็บ ปวดหลังการผ่าตัด หรือปวดฟันจากการติดเชื้อ

อาการปวดเรื้อรัง เป็นอาการปวดที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน มากกว่า 3-6 เดือน ไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาปกติ เช่น ปวดจากโรคข้ออักเสบ ปวดหลังจากปัญหาหมอนรองกระดูก หรือปวดจากเส้นประสาท

ทำไมเราถึงต้องใช้ยาแก้ปวด?

การใช้ยาแก้ปวดไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ลดภาวะเครียดของกล้ามเนื้อจากความปวดและช่วยให้กระบวนการรักษาและการฟื้นฟูเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ยาแก้ปวด แบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

การจำแนกประเภทยาแก้ปวดสามารถแบ่งได้หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายและเข้าใจได้สำหรับคนทั่วไป คือการแบ่งตามการจำหน่ายและความปลอดภัยในการใช้

1. ยาสามัญประจำบ้าน (หาซื้อได้เอง)

ยาสามัญประจำบ้าน หรือ Over-the-Counter (OTC) เป็นยาที่มีความปลอดภัยสูงสามารถซื้อได้เองจากร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ตัวอย่างที่พบเห็นบ่อยได้แก่ พาราเซตามอล (Paracetamol) แอสไพริน (Aspirin) และไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาเหล่านี้เหมาะสำหรับการรักษาอาการปวดเบาๆถึงปานกลาง เช่น ปวดหัว ปวดฟัน หรือปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย

2. ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์หรือเภสัชกร

ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ หรือ Prescription Medicine เป็นยาที่มีฤทธิ์แรงกว่า หรือมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูงกว่า จึงต้องมีการควบคุมการใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์ ยาในกลุ่มนี้มักใช้สำหรับอาการปวดรุนแรงหรือเฉพาะเจาะจง เช่น ยากลุ่มโอปิออยด์ ยาต้านการอักเสบชนิดแรง หรือยาคลายกล้ามเนื้อ

กลุ่มยาแก้ปวดที่ควรรู้จัก เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม

การรู้จักยาแก้ปวดในกลุ่มต่างๆ จะช่วยให้เราเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

ยานอร์จีสิค (Norgesic)

ยานอร์จีสิคเป็นยาผสมที่ประกอบด้วย Orphenadrine,Paracetamol เป็นยาที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย

เหมาะกับอาการปวดแบบไหน?

ยานอร์จีสิคเหมาะสำหรับการรักษาอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหดเกร็ง เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ หรือปวดกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายหนักเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดหัวจากความตึงเครียดได้ดี

ขนาดและวิธีใช้ที่ถูกต้อง

สำหรับผู้ใหญ่ควรรับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร ไม่ควรใช้เกิน 7 วัน ถ้ายังมีอาการปวดอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังและผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ ง่วงนอน เวียนศีรษะ ปากแห้ง และท้องผูก ไม่ควรขับรถหรือทำงานที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงหลังรับประทานยา และห้ามใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์

ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)

NSAIDs เป็นกลุ่มยาที่มีทั้งสรรพคุณแก้ปวด ลดไข้ และต้านการอักเสบ ทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ COX ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบและความปวด

ตัวอย่างยาในกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen, Naproxen, Diclofenac)

ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็นยาที่นิยมใช้กันมาก เหมาะสำหรับปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ และลดไข้ นาพรอกเซน (Naproxen) มีฤทธิ์ยาวนานกว่า เหมาะสำหรับอาการปวดที่ต้องการการควบคุมระยะยาว ส่วนไดโคลฟีแนค (Diclofenac) มักใช้ในรูปแบบเจลทาภายนอกสำหรับปวดข้อและกล้ามเนื้อ

เหมาะกับอาการปวดแบบไหน?

NSAIDs เหมาะสำหรับอาการปวดที่มีการอักเสบร่วมด้วย เช่น ปวดข้อ จากโรคข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อจากการบาดเจ็บ ปวดฟัน และปวดจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่สำคัญ

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ เสียดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ การใช้ยาในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อแผลในกระเพาะอาหาร และปัญหาไต ผู้ที่มีโรคกระเพาะอาหาร โรคไต หรือโรคหัวใจควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxants)

ยาคลายกล้ามเนื้อเป็นยาที่ออกแบบมาเพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและลดอาการปวด

ออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาคลายกล้ามเนื้อทำงานโดยการกระทำต่อระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยลดสัญญาณที่ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและอาการปวดลดลง

เหมาะกับอาการปวดจากกล้ามเนื้อหดเกร็ง

ยาคลายกล้ามเนื้อเหมาะสำหรับอาการปวดหลังจากกล้ามเนื้อหดเกร็ง ปวดคอจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง หรือปวดจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ

ยากลุ่มโอปิออยด์ (Opioids)

ยากลุ่มโอปิออยด์เป็นยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์แรงที่สุด ใช้สำหรับอาการปวดรุนแรงที่ยาอื่นไม่สามารถควบคุมได้

ยาแก้ปวดชนิดรุนแรงที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์

ยาในกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเสพติด จึงต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้เอโดยไม่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ตัวอย่างยาและข้อบ่งใช้

มอร์ฟีน (Morphine) ใช้สำหรับปวดรุนแรงในผู้ป่วยมะเร็งหรือหลังการผ่าตัดใหญ่ โคเดอีน (Codeine) ใช้สำหรับปวดปานกลางและช่วยห้ามไอ ทรามาดอล (Tramadol) เป็นยาโอปิออยด์ที่มีความเสี่ยงการเสพติดต่ำกว่า เหมาะสำหรับปวดปานกลางถึงรุนแรง

อาการปวด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาแก้ปวด (FAQ)

ยาแก้ปวดส่งผลเสียต่อตับและไตจริงหรือไม่?

ยาแก้ปวดบางประเภทอาจส่งผลต่อตับและไตได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในขนาดสูงหรือระยะเวลานาน พาราเซตามอลอาจเป็นพิษต่อตับหากใช้เกินขนาด ส่วน NSAIDs อาจส่งผลต่อการทำงานของไต การใช้ยาตามคำแนะนำและไม่เกินขนาดที่กำหนดจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้

สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรใช้ยาแก้ปวดได้หรือไม่?ยาแก้ปวดได้หรือไม่?

สตรีมีครรภ์สามารถใช้พาราเซตามอลได้อย่างปลอดภัย แต่ควรหลีกเลี่ยง NSAIDs โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนสุดท้าย สำหรับสตรีให้นมบุตร ส่วนใหญ่สามารถใช้พาราเซตามอลและ NSAIDs ในขนาดปกติได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ

สรุปบทความ

การเลือกใช้ยาแก้ปวดให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยบรรเทาอาการได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจประเภทของยา วิธีการใช้ และข้อควรระวังจะช่วยให้เราใช้ยาได้อย่างถูกต้อง หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยาแก้ปวดหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาและสุขภาพ ร้านยาออนไลน์ MedCare พร้อมให้บริการปรึกษาเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวกและเข้าถึงได้ง่ายเพียงแค่ใช้ LINE Mini App คุณก็สามารถได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ พร้อมบริการจัดส่งยาถึงบ้านในกรณีที่ต้องการความสะดวกสบาย

การดูแลสุขภาพอย่างรอบคอบและมีความรู้จะช่วยให้คุณและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จำไว้ว่า ยาแก้ปวดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษา การหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดและการรักษาที่ตรงจุดจะช่วยให้คุณหายจากความปวดได้อย่างถาวร

ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์